กมธ. เศรษฐกิจ เตรียมเรียก CP แจงกรณีควบรวม Tesco Lotus

กมธ. เศรษฐกิจ เตรียมเรียก CP แจงกรณีควบรวม Tesco Lotus

กรรมาธิการเศรษฐกิจ ได้กล่าวว่าจะมีการเรียกทาง CP และองค์กรที่เกี่ยวข้องมาทำการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม กรณีของการที่ทาง CP ได้มีการควบรวมธุรกิจ Tesco Lotus ถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้มีการเรียกเชิญให้ทาง CP ทำการชี้แจงในกรณีควบรวม Tesco Lotus ว่าถือเป็นการครอบงำตลาดหรือไม่ แล้วนั้นทาง กมธ. ได้มีการเรียกให้ทำการชี้แจงเพิ่มเติมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนิการดังกล่าว หลังจากที่มีมติเสียงข้างมาก ว่าการกระทำดังกล่าวมีผลกระทบทางเศรษฐกิจ

โดยจะเป็นการซักถามถึงการตัดสินใจให้อนุญาตควบรวมกิจการค้า 

โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการควบรวมธุรกิจ ขอบเขตตลาด ทั้งบทวิเคราะห์ในการตัดสินใจ ข้อเท็จจริงสนับสนุนการตัดสินใจ และเงื่อนไขในการอนุญาต รวมทั้งสอบถามถึงความกังวลในการใช้อำนาจเหนือตลาดและมาตรการป้องกันพฤติกรรมที่อาจจะจำกัดการแข่งขันได้

ทั้งนี้แล้วได้มีการชี้แจง โดยนายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ว่า ขั้นตอนการควบรวมดังกล่าวดำเนินตาม พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งก็ได้มีการพิจารณาแล้ว การกระทำดังกล่าวมีผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังสามารถมีการแข่งขันได้ ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ รวมไปถึงผลกระทบนั้นสามารถจะทำการเยียวยาได้

การเยียวยาผลกระทบนั้นดำเนินการผ่านเงื่อนไขทั้ง 7 ข้อ ที่ทางคณะกรรมการจะติดตามว่ามีการปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ หากพบว่ามีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะมีการดำเนิการทางกฎหมายต่อไป

จากทั้งหมดนั้น น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล ประธาน กมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวว่า ทาง กมธ. จะทำการเชิญองค์กรและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว

เพื่อทำการชี้แจงให้กระจ่างถึงความสับสนที่ว่าการตัดสินใจอนุญาตให้มีการควบรวมกิจการจะไม่ทำให้เกิดการแข่งขัน และส่งผลให้มีผู้ที่มีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเงื่อนไขทั้ง 7 นั้นจะสามารถทำตามวัตุประสงค์ได้มากน้อยแค่ไหน 

นอกจากนี้ยังว่ากลไกการทำงานของ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ในฐานะองค์กรอิสระนั้น ควรจะมีกลไกในการตรวจสอบ เนื่องจากในกรณีนี้ ไม่มีกลไกในการอุทธรณ์คำสั่งกับทางคณะกรรมการ ยกเว้นแต่ผู้ที่มีส่วนได้เสียกับคำขอควบรวมกิจการ

ในช่วงเช้าของวันนี้ (25 พ.ย.) ได้มีการขาย หุ้น รพ. บำรุงราษฎร์ (BH) โดย BDMS ซึ่งเป็นการดำเนินการขายผ่าน บิ๊กล็อต จำนวนหุ้นที่ได้มีการขายไปนั้นมีอยู่ด้วย 90.50 ล้านหุ้น ราคาในแต่ละตัวอยู่ที่ 103 บาท และมีมูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 9,321.5 ล้านบาท

อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเป็นการดำเนินขายโดยบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ภายหลังจากมีการแจ้งถึงการขายต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่าจะมีการดำเนินการขายหุ้นของทาง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH) ที่ทางบริษัทได้ถืออยู่เป็นจำนวน 180,715,806 หุ้น (22.71%) มูลค่าโดยรวม 18,613.7 ล้านบาท

รมว. พลังงาน ชง ศบศ. ยืนยัน รถเก่าแลกรถใหม่ ภายใน 2 ธันวานี้

รมว. กระทรวง พลังงาน ได้เผยว่าทาง ศบศ. จะมีการพิจารณาถึงมาตรการ รถเก่าแลกรถใหม่ ภายในวันที่ 2 ธ.ค. โดยในขณะนี้ได้ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องทำการเสนอเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา

โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พลังงาน ได้มีการเปิดเผยว่า ในวันที่ 2 ธันวาคม ทาง ศบศ. จะมีการพิจารณาถึงมาตรการ รถเก่าแลกรถใหม่ โดยได้มีการให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำการจัดเตรียมข้อเสนอเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาในวันที่จะถึงนี้

ทั้งนี้แล้วข้อเสนอในเบื้องต้นที่มีการเห็นชอบตรงกันก็คือ เรื่องของเงื่อนไขที่ว่า รถใหม่ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ และเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อช่วยลดปริมาณมลพิษทางอากาศและ PM 2.5 อีกด้วย

โดยในการเสนอโครงการนี้ ก็มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการขับเตลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยานพาหนะไฟฟ้า และให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียนและของโลก รวมถึงเพื่อเพิ่มสัดส่วนในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศให้เป็น 50% ภายในปี 2573 (2030) และ 85% ในปี 2578 (2035) และ 100% ในปี 2583 (2040)

ทั้งนี้ โครงการรถเก่าแลกรถใหม่นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการทั้งหมด 7 โครงการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

โครงการรถแลกแจกแถม (รถเก่าแลกรถใหม่ 100,000 ค้น)

โครงการจักยานยนต์ไฟฟ้าไทยชนะ

โครงการจัดหารถโดยสารเพื่อประชาชนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)

โครงการส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

โครงการสนับสนุนตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า

โครงการยกระดับอุตสหกรรมยานยนต์เปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า

การบริหารจัดการเงินทุนเพื่อการกำจัดซากและส่งเสริมการผลิตยานพาหนะไฟฟ้า

ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้ก็เป็นการดำเนินการเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานพาหนะไฟฟ้าแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิต ปรับปรุง พัฒนา ไปจนถึงการทำลาย

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป